|
เขี้ยว งา กะลา เขา เป็นคำพูดที่พูดกันมานมนาน ซึ่งหมายถึง วัตถุที่นำมาสร้างเครื่องรางของขลัง
นั่นเอง เครื่องรางที่สร้างจากเขี้ยวสัตว์นั้น ส่วนใหญ่จะเน้น เขี้ยวเสือ เขี้ยวหมี และ เขี้ยวหมูป่า เป็นหลัก
ส่วนที่สร้างจากงา คงเป็นแค่งาช้างเท่านั้น จากกะลามะพร้าว ส่วนใหญ่จะใช้กะลามะพร้าวที่มีตาเดียว
แต่ถ้าเจอกะลามะพร้าวที่มีห้าตา สิบตา ก็ยิ่งดี ถือว่าเป็นของหายาก ส่วนจากเขาสัตว์นั้นจะเน้นไปทาง
เขาวัวกระทิง เขาควาย และเขากวางเป็นหลัก วัตถุที่นำมาสร้างเครื่องรางของขลังเหล่านี้ เชื่อกันว่า
มีความขลังในตัวอยู่แล้ว ยิ่งนำมาทำพิธีปลุกเสกด้วยแล้ว ยิ่งเพิ่มความขลังเป็นทวีคูณขึ้นหลายเท่า
วันนี้ผู้เขียนอยากบรรยายเรื่อง เขี้ยว สักเรื่องหนึ่งก่อน มีโอกาสหน้า แล้วค่อยเขียนบรรยาย
เรื่อง งา กะลา เขา ให้ละเอียดอีกครั้งนะครับ
เขี้ยว นับว่าเป็นเครื่องรางของขลัง ที่ได้รับความนิยมสูงสุดชนิดหนึ่ง จากเครื่องรางยอดนิยม
ทั่ว ๆ ไป เกจิอาจารย์บางท่าน ที่นำเขี้ยวมาแกะสร้างเครื่องรางของขลัง จนได้รับความนิยม ให้นั่งอยู่
แถวหน้า ประเภทเครื่องรางยอดนิยม เช่น เสือของหลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน หรือ เสือ อาจารย์เฮง
วัดเขาดิน เป็นต้น
เขี้ยวสัตว์นั้นที่จริงมีหลายชนิด ที่นิยมนำมาสร้างเครื่องรางของขลังกัน แต่ที่จะพูดถึงคราวนี้
จะเน้นเฉพาะถึง เขี้ยวเสือ เขี้ยวหมี และ เขี้ยวหมูป่าเท่านั้น เพราะทั้งสามเขี้ยวนี้ เป็นวัตถุที่ทั้งพระเกจิ
หรือ ฆราวาส นิยมนำมาสร้างวัตถุมงคลกันมาก แล้วได้รับความนิยมกันแทบทั้งสิ้น แต่ที่สำคัญ ปัญหา
อยู่ที่มีผู้ซักถาม และถกเถียงกันอยู่บ่อย เกี่ยวกับการแยกประเภทของเขี้ยวว่า เขี้ยวเสือ เขี้ยวหมี และ
เขี้ยวหมู นั้นแตกต่างกันอย่างไร บางท่านยังไม่ทราบ หลายท่านคงทราบกันดีอยู่แล้ว และอีกหลายท่าน
ก็ยังเดาๆ อยู่
วันนี้เรามาทำความเข้าใจกัน ผู้เขียนเองยอมรับว่าไม่ได้เก่งกาจอะไรมาก เรื่องเครื่องรางของขลัง
แต่เป็นคนที่ชอบวัตถุมงคล ประเภทเครื่องรางเอามาก ๆ คนหนึ่งเลยทีเดียว ชอบค้นคว้า ค้นตำราต่างๆ
ถามผู้รู้ ผู้ชำนาญ เคยซื้อผิด ซื้อถูก ทุกอย่างผู้เขียนถือว่าเป็นครูเท่านั้น เมื่อได้ความรู้อะไรมาบ้าง
ที่เห็นว่าสำคัญ และถูกต้องก็ถ่ายทอดกันต่อๆ ไป จะได้ไม่สูงหายไปจากวงการ
เขี้ยวเสือ เขี้ยวหมี และ เขี้ยวหมู ถ้าเป็นอาจารย์เดียวกันสร้าง เขี้ยวเสือจะได้รับความนิยม
มาเป็นอันดับหนึ่ง รองมาก็คือ เขี้ยวหมี และเขี้ยวหมู เป็นอันดับท้าย คงเป็นความเชื่อเรื่องบารมี
มหาอำนาจของเขี้ยวสัตว์แต่ละชนิดก็ได้ เสือซึ่งถือว่าเป็นเจ้าป่า และหายาก ฆ่าก็ยาก หมียังพอเห็น
มากกว่า ส่วนหมูป่านั้นมีจำนวนมากมาย แต่ถ้าเป็นหมูที่มีเขี้ยวตัน หรือเขี้ยวยาว ใหญ่ ก็ถือว่าหาชม
ได้ยากเช่นกัน ดังคำโบราณที่กล่าวว่า ถ้าจะเล่นเขี้ยวหมู ต้องเล่นเขี้ยวตัน จะเล่นเขี้ยวเสือต้องเล่น
เขี้ยวโปร่ง (โปร่งฟ้า)
ก่อนจะแยกแต่ละประเภทของเขี้ยวนั้น อยากพูดถึงลักษณะของการนำเขี้ยวมาแกะ ว่ามีลักษณะ
ใดบ้าง คือมีทั้งทีแกะเต็มเขี้ยว ครึ่งเขี้ยว หรือ นำเอาเขี้ยวมาผ่าเป็นซีก แกะเป็นชิ้นเล็กๆ ก็มี
เต็มเขี้ยว หมายถึง เขี้ยวที่ถูกถอดรากออกจากเหงือกทั้งอัน ซึ่งยังมีปลายเขี้ยวแหลม ยาวอยู่
เช่น เสือ หลวงพ่อนก วัดสังกะสี
ครึ่งเขี้ยว หมายถึง เขี้ยวที่ถูกถอดรากออกจากเหงือกทั้งอัน แล้วนำมาตัดแบ่งครึ่ง ส่วนใหญ่นิยม
เอาครึ่งแถบที่เป็นรากเขี้ยวมาแกะ เช่น เสือ หลวงพ่อปาน คลองด่าน ที่เราเห็นกันอยู่ทั่วไป
เขี้ยวซีก หมายถึง การเอาเขี้ยวเต็มมาผ่าแบ่งเป็นชิ้น ๆ แล้วนำมาแกะ เป็นวัตถุมงคลอีกทีหนึ่ง
เช่น เสือเขี้ยวซีก หลวงพ่อปาน คลองด่าน หรือ เสือ อาจารย์เฮง วัดเขาดิน
การแกะวัตถุมงคล จากเขี้ยวซีกชิ้นเล็ก ๆ นั้น บางท่านอาจเข้าใจผิดว่า แกะมาจากปลายเขี้ยว
ซึ่งเป็นไปได้ยากมาก เพราะปลายเขี้ยวมีลักษณะ แข็งและกรอบ ถ้าโดนแกะก็จะปริแตกไม่เป็นรูปทรง
ความจริงแล้ว เขี้ยวเสือ เขี้ยวหมี และ เขี้ยวหมู มีลักษณะที่แยกออกจากกันได้ชัดเจน ผู้เขียน
จะอธิบายไปทีละขั้น จะได้เข้าใจง่าย ไม่สับสน โดยดูรูปภาพประกอบจะเห็นได้ชัดเจน
เขี้ยวเสือ นั้นมีทั้งขนาดเล็ก และใหญ่ ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิด และขนาดของตัวเสือ เขี้ยวจะยาว เรียว
ปลายแหลมคม โค้งพอประมาณ ดูจากปลายเขี้ยวจะเห็นเหลี่ยม เป็นร่องเล็ก ๆ อยู่สี่มุม วิ่งเป็นแนวร่อง
เข้ามายังตัวเขี้ยวชัดเจน เราเรียกกันว่า ร่องเส้นเลือด และถ้านำเสือมาตัดแบ่งครึ่ง เราจะเห็นรูตรงกลาง เป็นรูกลวงโปร่ง ไปสุดโคนเขี้ยว ซึ่งจะมีลักษณะกลม หรือกลมรีเล็กน้อย กว้างประมาณ 20-30% ของ
พื้นที่หน้าเขี้ยวทีเราตัดครึ่ง และจะมีคลื่นรัศมีวิ่งรอบปากรูเขี้ยวซึ่งมองเห็นได้ชัดเจน
เขี้ยวหมี นั้นมีขนาดเล็ก และใหญ่เช่นกัน เขี้ยวหมีเมื่อดูภายนอกลักษณะทั่วไปคล้าย เขี้ยวเสือมาก
คือมีความเรียว โค้งยาว ปลายแหลมคม สิ่งที่แตกต่างจากเขี้ยวเสือนั้น คือปลายเขี้ยวหมี ก็มีร่องเลือด
เหมือนกันแต่เป็นแบบเส้นเลือดสีน้ำตาลแดงวิ่งรอบเป็นวงเดือน จากปลายเขี้ยวเข้ามาด้านในเป็นสิบ ๆ
รอบ
ซึ่งเรามองเห็นด้วยตาเปล่าได้ชัดเจน และเมื่อเรานำเขี้ยวมาตัดผ่าแบ่งครึ่ง ก็พบรูกลวงโปร่งเช่นเดียว
เหมือนกับเขี้ยวเสือ แต่รูของเขี้ยวหมีจะกว้างกว่ารูของเขี้ยวเสือมาก บางเขี้ยวเจอรูกว้าง 70-80 %
ของหน้าเขี้ยวเลยทีเดียว
เขี้ยวหมูป่า มีลักษณะที่แตกต่างจาก เขี้ยวเสือ และเขี้ยวหมี ซึ่งเห็นได้ชัดเจนมาก คือ เขี้ยวหมูป่า
มีทั้งขนาดเล็ก และใหญ่ มีลักษณะแบน เป็นเหลี่ยม โค้ง ยาว ปลายแหลม รูกลวง บางเขี้ยวยาวมาก ๆ
จนเกือบจะเป็นครึ่งวงกลมเลยก็มี ส่วนใหญ่จะเป็นเขี้ยวกลวงเกือบทั้งนั้น จะหาเขี้ยวแบบตัน ๆ นั้นยากมาก
สรุปได้ว่า เขี้ยวเสือ เขี้ยวหมี และเขี้ยวหมูป่านั้น มีลักษณะที่แตกต่างกัน เมื่อพิจารณาแล้ว
ก็สามารถแยกออกจากกันได้อย่างชัดเจน เมื่อท่านผู้อ่าน มีโอกาสได้เครื่องรางของขลังประเภทเขี้ยว
เหล่านี้ ก็ควรใช้ดุลพินิจ พิจารณา ข้อมูลของผู้เขียนอาจจะช่วยท่านได้บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ
นุ เพชรรัตน์ |
|
|